YouTube ประกาศจัดงาน ‘Creator Collective’ รวมตัวครีเอเตอร์ทั่วสหรัฐฯ

YouTube เพิ่งออกมาประกาศจัดงานซีรีส์ใหม่ “Creator Collective” ซึ่งเป็นการรวมตัวแบบออฟไลน์ (IRL) ทั่วสหรัฐอเมริกา เพื่อให้ครีเอเตอร์บนแพลตฟอร์มได้มีโอกาสพบปะกัน แลกเปลี่ยนไอเดีย และเรียนรู้วิธีสร้างคอนเทนต์ที่โดนใจผู้ชมมากขึ้น

จากคำบอกเล่าของ YouTube:

“งาน Creator Collective ของเราออกแบบโดยครีเอเตอร์ เพื่อครีเอเตอร์ ตลอดทั้งปี 2025 เราจะจัดงานรวมตัวในหลายเมืองทั่วสหรัฐฯ รวมถึงงานพิเศษอย่าง SXSW ในออสติน, VidCon ในอนาไฮม์ และ DreamCon ในฮิวสตัน แถมยังมีซีรีส์พิเศษสำหรับครีเอเตอร์วิดีโอสั้นโดยเฉพาะ และเราตื่นเต้นมากที่จะได้เจอกับครีเอเตอร์ในรัฐที่เราไปเยือนเป็นครั้งแรก”

ใช่แล้ว YouTube วางแผนจัดงานแบบพบหน้าค่าตากันจริงๆ ครบทั้ง 50 รัฐในสหรัฐฯ ตลอดปีนี้ และคุณสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงานในแต่ละที่ได้ที่นี่

อย่างที่ YouTube บอก งานชุดนี้จะเน้นไปที่วิดีโอสั้น โดยเฉพาะการสร้างคอนเทนต์สำหรับ YouTube Shorts และวิธีที่ Shorts เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างช่องให้เติบโต

จากกระแสวิดีโอสั้นที่ TikTok เป็นผู้นำ Shorts กลายเป็นคอนเทนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดของ YouTube ตอนนี้ทำยอดวิวได้มากกว่า 70,000 ล้านครั้งต่อวันไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ Shorts เลยช่วยให้ครีเอเตอร์หลายคนเพิ่มการมีส่วนร่วมในช่องของตัวเองได้เยอะมาก และ YouTube เองก็ได้ประโยชน์จากการมีส่วนร่วมที่เพิ่มขึ้นจากฟอร์แมตนี้ เลยอยากชี้ให้ครีเอเตอร์คนอื่นๆ เห็นว่าสามารถใช้ Shorts เชื่อมต่อกับผู้ชมในวงกว้างได้ยังไงบ้าง

ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ยังอาจมีประโยชน์ในแง่ที่อนาคตของ TikTok ในสหรัฐฯ ยังไม่แน่นอน

ถึงแม้โอกาสที่ TikTok จะหาดีลลงตัวและยังคงอยู่ในสหรัฐฯ ได้มีสูง แต่ความไม่ชัดเจนที่ยืดเยื้อมานานคงทำให้ครีเอเตอร์ที่พึ่งพา TikTok หาเงินกินข้าวรู้สึกหวั่นใจไม่น้อย และเริ่มมองหาแพลตฟอร์มอื่นเพื่อสร้างฐานที่มั่นคงกว่า

นี่เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมการโฟกัสที่วิดีโอสั้นในงานชุดนี้ถึงน่าสนใจ แถมยังเป็นโอกาสให้ YouTube ได้แชร์อัปเดตใหม่ๆ และเคล็ดลับดีๆ เพื่อช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมในชุมชนของครีเอเตอร์ด้วย

ถ้าคุณเป็นครีเอเตอร์บน YouTube ผมว่าคุ้มนะที่จะไปร่วมงาน Creator Collective ในรัฐของคุณ

Facebook เพิ่ม Stories เข้าโปรแกรมสร้างรายได้ให้ครีเอเตอร์

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 Facebook ออกมาประกาศข่าวดีสำหรับครีเอเตอร์ในแพลตฟอร์ม โดยเพิ่ม Facebook Stories เข้าไปในโปรแกรมสร้างรายได้ (Creator Monetization Program) ซึ่งนั่นหมายความว่าตอนนี้ครีเอเตอร์มีช่องทางทำเงินในแอปเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งช่องทางแล้ว

ย้อนไปเมื่อปีที่แล้ว Facebook ได้รวมโปรแกรมโฆษณาคั่นวิดีโอ (in-stream ads) กับโบนัสประสิทธิภาพ (performance bonus) เข้าเป็นโปรแกรมเดียวกัน เพื่อให้การสร้างรายได้ของครีเอเตอร์ง่ายขึ้น ไม่ต้องยุ่งยากสมัครหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะโพสต์วิดีโอ รีล รูปภาพ หรือข้อความ แค่เข้าร่วมโปรแกรมเดียวก็ทำเงินได้หมด

และตอนนี้ Stories ก็ถูกเพิ่มเข้ามาด้วย เปิดโอกาสให้ครีเอเตอร์มีทางเลือกสร้างรายได้มากขึ้นไปอีก

Facebook อธิบายว่า:

“เราเห็นว่าตอนนี้ครีเอเตอร์หลายคนใช้ Facebook Stories เพื่อเชื่อมต่อกับแฟนๆ และจากนี้ไป พวกเขาจะสามารถทำเงินจากคอนเทนต์นั้นได้ โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติม แค่โพสต์ Stories เหมือนเดิมก็พอ ฟีเจอร์ใหม่นี้จะเริ่มใช้งานได้กับครีเอเตอร์ทุกคนที่เข้าร่วมโปรแกรมสร้างรายได้ของ Facebook ทั่วโลกแล้ว”

การทำเงินจาก Stories จะขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพ (performance-based) ซึ่งเป็นแนวทางที่ Meta นำมาใช้ตั้งแต่ปีก่อน แทนที่จะเน้นจำนวนโฆษณาในคลิปยาวๆ ระบบนี้กระตุ้นให้ครีเอเตอร์สร้างคอนเทนต์ที่ดีขึ้น เพื่อดึงดูดยอดวิวและการมีส่วนร่วมจากผู้ชม

“ในโมเดลแบ่งรายได้จากโฆษณาแบบเก่า ครีเอเตอร์ได้เงินตามผลงานของโฆษณาที่แทรกอยู่ในคอนเทนต์ ซึ่งขึ้นอยู่กับหลายอย่างที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ผู้ชมเห็นโฆษณากี่ตัวแล้ว ความถี่ของโฆษณา หรือราคา CPM แต่โมเดลใหม่ที่เน้นประสิทธิภาพช่วยปลดล็อกข้อจำกัดเหล่านี้ ครีเอเตอร์ทำเงินได้ไม่ว่าคอนเทนต์จะมีโฆษณาหรือไม่ เพราะมันดูที่ยอดวิวและการมีส่วนร่วมเป็นหลัก”

แปลว่าครีเอเตอร์ที่ทำ Stories ไม่ต้องพึ่งการวางโฆษณาอีกต่อไป แต่จะได้ประโยชน์จากจำนวนคนที่เห็นและโต้ตอบกับคอนเทนต์ของตัวเองแทน

สำหรับครีเอเตอร์ที่เข้าร่วมโปรแกรมอยู่แล้ว สามารถเริ่มทำเงินจาก Stories ได้ทันที แค่โพสต์ตามปกติ ข้อมูลประสิทธิภาพจะถูกเพิ่มเข้าไปในสถิติของพวกเขาเลย ส่วนใครที่ยังไม่ได้สมัคร สามารถลงทะเบียนความสนใจได้ที่นี่

ทำไมถึงสำคัญ?

การเพิ่ม Stories เข้ามาครั้งนี้ถือว่าน่าสนใจ ขณะเดียวกัน Meta ยังกำลังทดลองโปรแกรมสร้างรายได้สำหรับครีเอเตอร์บน Threads ด้วย เพื่อดึงดูดให้คนดังๆ ยังคงโพสต์คอนเทนต์ในแอปของตัวเองต่อไป

เรื่องนี้สำคัญมาก เพราะข้อมูลบอกเราว่ามีผู้ใช้โซเชียลมีเดียเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่โพสต์อะไรลงไปจริงๆ ส่วนใหญ่แค่เข้ามาดูเฉยๆ ดังนั้นถึงแพลตฟอร์มจะมีผู้ใช้เป็นล้านหรือพันล้าน แต่คนที่กำหนดทิศทางการมีส่วนร่วมจริงๆ มีแค่หยิบมือ

Meta เลยต้องทำให้คนกลุ่มนี้แฮปปี้ และโพสต์ต่อไปเรื่อยๆ การเพิ่มช่องทางทำเงินให้ครีเอเตอร์ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดี

Instagram เผยโฉมฟีเจอร์ใหม่ของแอป “Edits” ที่กำลังจะมา

ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับแอปตัดต่อวิดีโอตัวใหม่จาก Instagram ที่มีชื่อว่า “Edits” ล่าสุดวันนี้ทีม Instagram ได้ปล่อยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่จะมีในแอปนี้ รวมถึงบางอย่างที่ยังอยู่ในขั้นพัฒนาและอาจยังไม่พร้อมใช้ตอนเปิดตัว

มาดูกันว่า “Edits” มีอะไรน่าสนใจบ้าง

จากภาพที่ Instagram แชร์ออกมา แอป “Edits” จะช่วยให้คุณจัดการโปรเจกต์วิดีโอหลาย ๆ อันได้พร้อมกัน โดยมีแท็บ “Projects” ที่เข้าถึงได้ง่าย ๆ เห็นทุกอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือ “Cutouts” สำหรับตัดต่อ ที่จะให้คุณแยกส่วนต่าง ๆ ในคลิปได้ตามใจชอบ เช่น อยากตัดคนหรือวัตถุออกจากพื้นหลังก็ทำได้ และยังมีแท็ก “Made with Edits” ที่จะโชว์บนคลิปเมื่อแชร์ไปบน Instagram อีกด้วย

ฟีเจอร์เหล่านี้มาเสริมจากที่ Instagram เคยโชว์ไปก่อนหน้านี้แล้ว เช่น การใช้ AI เปลี่ยนพื้นหลัง, การทำให้ภาพนิ่งเคลื่อนไหวได้, และเครื่องมือสำหรับทำงานร่วมกันแบบทีม

แต่ต้องบอกไว้ก่อนว่า ไม่ใช่ทุกฟีเจอร์จะพร้อมใช้ตั้งแต่วันแรก แอปนี้มีกำหนดปล่อยให้โหลดวันที่ 13 มีนาคมนี้ และบางอย่างยังอยู่ในขั้นพัฒนา ซึ่ง Instagram กำลังเร่งมือทำเครื่องมือตัดต่อวิดีโอเพิ่มเติมให้เหมือน CapCut แต่แยกออกมาเป็นแอปเดี่ยว ๆ

Adam Mosseri หัวเรือใหญ่ของ Instagram ยังบอกด้วยว่า เร็ว ๆ นี้ ฟีเจอร์ใหม่ ๆ จะถูกทดลองใน Edits ก่อน แล้วค่อยขยายไปยัง Instagram และ Threads ดังนั้น แอปนี้จะไม่ใช่แค่เครื่องมือสร้างสรรค์อย่างเดียว แต่ยังเป็นที่แรกที่คุณจะได้ลองของใหม่จากบริษัท และแน่นอนว่าน่าจะมีเครื่องมือ AI เพิ่มเข้ามาอีกเยอะ เพราะ Meta กำลังทุ่มกับเทคโนโลยีนี้แบบเต็มตัว

ทำไมถึงน่าจับตามอง?

ถ้าคุณเป็นคนทำงานโซเชียลมีเดียหรือชอบทำคอนเทนต์ แอป Edits น่าจะเป็นตัวช่วยที่คุ้มค่าต่อการโหลดมาใช้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดตัวสัปดาห์หน้า ลองเล่นดูว่ามีอะไรให้ใช้บ้าง ดูจากที่โชว์มานี่เหมือนจะใช้งานง่ายและมีเครื่องมือตัดต่อวิดีโอที่สะดวกดี

แน่นอน ตอนนี้ยังเป็นแค่การคาดเดา เพราะ Instagram ยังไม่ให้ใครลองใช้จริง ๆ แต่จากที่เห็นก็น่าจะเป็นเครื่องมือดี ๆ ที่เพิ่มเข้าไปในคลังของคุณได้ไม่ยาก

Instagram วางแผนปล่อย Edits สัปดาห์หน้า วันที่ 13 มีนาคมนี้ ใครสนใจสามารถไปลงชื่อจองล่วงหน้าได้ที่ลิงก์ของ Instagram เลย


คุณตื่นเต้นกับแอปใหม่ตัวนี้ไหม? หรือมีไอเดียอะไรที่อยากลองทำกับ Edits บ้าง? มาคุยกันในคอมเมนต์ได้นะ!


YouTube ปรับโฉมการวางโฆษณาคั่นกลางวิดีโอ เริ่มพฤษภาคมนี้

เพื่อน ๆ ครีเอเตอร์ที่ทำคอนเทนต์บน YouTube ฟังทางนี้! ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2568 เป็นต้นไป YouTube เตรียมเปลี่ยนวิธีการวางโฆษณาคั่นกลางวิดีโอ (mid-roll ads) ด้วยการอัปเดตตัวเลือกใหม่ ๆ เพื่อให้โฆษณาในคลิปดูสมเหตุสมผลและไม่รบกวนผู้ชมมากเกินไป

YouTube อธิบายว่า:

“ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เราจะยกระดับคุณภาพของโฆษณาคั่นกลางบน YouTube โดยเราจะเพิ่มโฆษณาคั่นกลางในจุดที่เป็นธรรมชาติ เช่น ช่วงหยุดชั่วครู่หรือการเปลี่ยนฉาก และลดโฆษณาในจุดที่อาจรู้สึกขัดจังหวะหรือทำให้คนเลิกดู เช่น กลางประโยคหรือฉากแอ็กชัน”

ปกติแล้ว ครีเอเตอร์สามารถเลือกได้ว่าจะวางช่องโฆษณาคั่นกลางเอง (manual) หรือให้ระบบของ YouTube จัดการให้ (automatic) การอัปเดตครั้งนี้จะปรับปรุงระบบตรวจจับของ YouTube ให้ฉลาดขึ้นสำหรับตัวเลือกอัตโนมัติ แถมยังเพิ่มความยืดหยุ่นให้คนที่ชอบวางโฆษณาเองด้วย

“YouTube เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสรายได้จากโฆษณาคั่นกลางให้ครีเอเตอร์ จากการทดลองในเดือนกรกฎาคม 2567 ช่องที่เปิดใช้โฆษณาคั่นกลางแบบอัตโนมัติควบคู่กับแบบ manual มีรายได้จากโฆษณาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยมากกว่า 5% เมื่อเทียบกับช่องที่ใช้แค่ manual อย่างเดียว แต่ถ้าคุณวางโฆษณาแบบ manual ในจุดที่ขัดจังหวะ หลังวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 รายได้อาจลดลงเมื่อเราปรับปรุงคุณภาพโฆษณาคั่นกลาง”

ตัวเลือกใหม่: รวม manual กับ automatic เข้าด้วยกัน

ตอนนี้ ครีเอเตอร์เลือกได้แค่ “อัตโนมัติ” หรือ “manual” ในการวางโฆษณาคั่นกลาง ถ้าเลือก manual คุณจะกำหนดจุดพักโฆษณาที่คิดว่าดีที่สุดได้เอง ส่วนอัตโนมัติก็ปล่อยให้ระบบจัดการ แต่คราวนี้ YouTube เพิ่มตัวเลือกแบบผสมผสานเข้ามา ซึ่งจะใช้ระบบตรวจจับของ YouTube เป็นหลัก แต่ก็ยังให้คุณเลือกจุดวางโฆษณาด้วยตัวเองได้

YouTube อธิบายว่า:

“ก่อนหน้านี้ ครีเอเตอร์ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่งระหว่าง auto หรือ manual แต่ตอนนี้เราจะให้คุณทำทั้งสองอย่างได้ คุณสามารถวางโฆษณาคั่นกลางแบบ manual ในจุดที่คิดว่าเหมาะ แต่ถ้าระบบของเราพบจุดพักที่ดีกว่าและเป็นธรรมชาติกว่า มันจะวางโฆษณาเพิ่มให้อัตโนมัติ เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกถูกรบกวนน้อยลง และยังเพิ่มโอกาสโฆษณาให้มากขึ้นด้วย”

พูดง่าย ๆ คือ ถ้าคุณเลือกตัวเลือกนี้แล้ววางโฆษณาไม่ดี ระบบอาจเข้ามาแทรกแซงเพื่อเลือกจุดที่เหมาะกว่าให้เอง

นอกจากนี้ YouTube ยังเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยบอกว่าจุดวางโฆษณาแบบ manual ของคุณ “ขัดจังหวะ” หรือเปล่า คุณจะได้ปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ การอัปเดตนี้บ่งบอกว่า YouTube มั่นใจในระบบตรวจจับอัตโนมัติมากขึ้น และดูเหมือนจะเชื่อว่าครีเอเตอร์อาจไม่เก่งเรื่องวางโฆษณาเท่าระบบของตัวเอง เพื่อประสบการณ์การดูที่ดีขึ้นและโอกาสรายได้ที่มากขึ้น YouTube เลยพยายามผลักดันให้คนหันมาใช้ระบบอัตโนมัติมากกว่า

วิดีโอเก่าก็ไม่รอด!

YouTube ยังบอกด้วยว่า วิดีโอที่อัปโหลดก่อนวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งใช้โฆษณาคั่นกลางแบบ manual จะถูกอัปเดตให้มีช่องโฆษณาอัตโนมัติเพิ่มในจุดพักที่เป็นธรรมชาติด้วย เรียกว่ามีโฆษณาเพิ่มเข้ามาในคลิปเก่า ๆ อีกเพียบ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้แอป แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ใช้เฉพาะครีเอเตอร์ใน YouTube Partner Program ที่มีโฆษณาเปิดอยู่แล้วเท่านั้น ไม่ได้เพิ่มโฆษณาในคอนเทนต์ที่ไม่มีโฆษณานะ

ถ้าคุณไม่อยากให้มีโฆษณาเพิ่มเติม สามารถปิดตัวเลือกนี้ได้ใน YouTube Studio หรือจัดการจุดวางโฆษณาใหม่เองก็ได้ แต่ YouTube เตือนว่า วิดีโอที่มีโฆษณาคั่นกลางแบบขัดจังหวะ “อาจทำรายได้น้อยลงหลังวันที่ 12 พฤษภาคม 2568” เมื่อระบบใหม่เริ่มทำงาน

ลองปรับแล้วดีขึ้นจริงไหม?

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้น่าสนใจมาก และถ้า YouTube ทำได้ดีจริง อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แคมเปญบน YouTube ของคุณได้ด้วย ลองทดสอบดูสักหน่อยก็น่าจะคุ้ม ใครที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม อ่านต่อได้ที่ลิงก์ของ YouTube เลย

คุณคิดยังไงกับการอัปเดตนี้? จะลองปล่อยให้ระบบจัดการ หรือยังยืนยันวางโฆษณาเองอยู่? มาแชร์ประสบการณ์กันหน่อย!


YouTube ขยายการทดสอบ “Hype” และเพิ่มข้อจำกัดเนื้อหาการพนัน

เมื่อเร็ว ๆ นี้ Andrew Hutchinson รายงานว่า YouTube กำลังอัปเดตฟีเจอร์และนโยบายใหม่ ๆ โดยมีการขยายการทดสอบฟีเจอร์ “Hype” เพื่อสนับสนุนครีเอเตอร์หน้าใหม่ รวมถึงปรับปรุงนโยบายเกี่ยวกับเนื้อหาการพนัน เพื่อจำกัดการโปรโมตการพนันที่อาจเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้เยาวชนมากเกินไป

“Hype” คืออะไร และช่วยครีเอเตอร์ได้ยังไง?

เริ่มจากฟีเจอร์ “Hype” ที่ YouTube เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวิธีใหม่ในการช่วยโปรโมตคอนเทนต์จากครีเอเตอร์ดาวรุ่งในแอป โดยผู้ชมสามารถให้ “คะแนน Hype” กับวิดีโอจากช่องที่กำลังเติบโตได้ ซึ่งคะแนนนี้จะช่วยเพิ่มการมองเห็นให้วิดีโอนั้น ๆ ตามความสนใจของผู้ชม

ในแต่ละสัปดาห์ ผู้ใช้จะได้รับคะแนน Hype จำนวนหนึ่งเพื่อแจกจ่ายให้วิดีโอที่ชอบ ไอเดียนี้ดูเหมือนจะเป็นช่องทางใหม่ที่ช่วยผลักดันครีเอเตอร์หน้าใหม่ให้แจ้งเกิดได้ง่ายขึ้น YouTube กำลังค่อย ๆ ขยายการใช้งาน Hype ไปยังภูมิภาคต่าง ๆ มากขึ้น โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้เริ่มทดสอบ คะแนน Hype แบบเสียเงิน ในตุรกี และล่าสุดครีเอเตอร์ในบราซิลก็สามารถจัดการ Hype รวมถึง Hype แบบเสียเงินได้ผ่าน Studio Mobile บน Android แล้ว

ก่อนหน้านี้ ฟีเจอร์นี้มีให้ใช้แค่บน Studio เว็บเท่านั้น การขยายมาสู่แอปมือถือจะช่วยให้ครีเอเตอร์จัดการช่องของตัวเองได้สะดวกขึ้น YouTube บอกว่าจะขยาย Hype ไปยังภูมิภาคอื่น ๆ เพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ถือเป็นข่าวดีสำหรับคนทำคอนเทนต์ที่อยากเพิ่มการมองเห็นแบบไม่ต้องพึ่งโชคอย่างเดียว

นโยบายใหม่เกี่ยวกับการพนัน

อีกด้านหนึ่ง YouTube กำลังปรับนโยบายเกี่ยวกับเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการพนัน โดยเฉพาะการปกป้องผู้ใช้ที่เป็นเยาวชน YouTube ระบุว่า:

“ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2568 เป็นต้นไป เราจะเข้มงวดกับนโยบายเกี่ยวกับการพนันออนไลน์มากขึ้น เดิมทีเราไม่อนุญาตให้มีการชี้ชวนผู้ชมไปยังเว็บไซต์หรือแอปการพนันที่ไม่ได้รับการรับรองจาก Google อยู่แล้ว แต่หลังจากนี้ นโยบายจะครอบคลุมถึง URL ลิงก์ที่ฝังในรูปภาพหรือข้อความ การแสดงภาพโลโก้หรือการพูดถึง รวมถึงเนื้อหาที่สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนแน่นอน ซึ่งอาจถูกลบได้ แม้ว่าเว็บหรือแอปนั้นจะได้รับการอนุมัติจาก Google ก็ตาม”

นี่คือความพยายามของ YouTube ในการจำกัดการโปรโมตการพนันออนไลน์ให้มากขึ้น เพื่อปกป้องผู้ใช้ที่ยังเด็กเกินไปจากการเห็นคอนเทนต์เหล่านี้ นอกจากนี้ วิดีโอที่ไม่ผิดกฎชุมชนแต่มีการพูดถึงหรือโปรโมตคาสิโนออนไลน์หรือแอป อาจถูกจำกัดอายุด้วย

“หมายความว่าเนื้อหาการพนันออนไลน์ (ยกเว้นการพนันกีฬาออนไลน์และการพนันแบบเจอตัว) จะไม่สามารถดูได้สำหรับผู้ใช้ที่ไม่ได้ล็อกอินหรืออายุต่ำกว่า 18 ปี”

ทุกวันนี้ การโปรโมตการพนันกลายเป็นส่วนหนึ่งของคอนเทนต์กีฬาไปแล้ว และบางครั้งมันก็เยอะจนรู้สึกอึดอัด การอัปเดตครั้งนี้ของ YouTube อาจเป็นก้าวสำคัญในการลดการมองเห็นคอนเทนต์แบบนี้ และช่วยปกป้องเด็ก ๆ จากผลกระทบที่อาจตามมา

เคล็ดลับใหม่สำหรับครีเอเตอร์สายช้อปปิ้ง

สุดท้าย YouTube ยังเพิ่มคำแนะนำใหม่ใน YouTube Help สำหรับครีเอเตอร์ที่เน้นการขายของ โดยมีเคล็ดลับเกี่ยวกับวิธีทำให้รายการสินค้าในแอปดูโดดเด่นขึ้น พร้อมภาพประกอบที่ช่วยให้เข้าใจส่วนประกอบสำคัญของการแสดงสินค้าได้ชัดเจน

การอัปเดตเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ อาจมีบทบาทสำคัญในการวางแผนคอนเทนต์ของคุณบน YouTube ได้เหมือนกัน


คุณคิดยังไงกับการเปลี่ยนแปลงของ YouTube ครั้งนี้? Hype จะช่วยครีเอเตอร์หน้าใหม่ได้จริงไหม หรือการจำกัดเนื้อหาการพนันจะเปลี่ยนประสบการณ์การดูของคุณยังไง? มาแชร์ความเห็นกันหน่อยสิ!


error: Content is protected !!